

วันที่สองในปารีส Day 2 in Paris
วันนี้ทำตัวชิวๆค่ะ ไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยากเพราะไม่ค่อยชอบ มันเหนื่อย โดยเฉพาะการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ (จุ๊ๆ ห้ามไปบอกสามีนะฮะ)ฮ่าฮ่าๆ ชอบอะชอบอยู่นะ แต่ถ้าต้องอัดกิจกรรมอาร์ตๆแบบนี้ทั้งวันก็ไม่ไหวค่ะ โดยเฉพาะศิลปะแบบสมัยใหม่นะ ไม่ชอบเลย เดินผ่านไปอย่างเร็วและอยากทำให้มันเสร็จๆ แต่ถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก่า ของโบราณ อะไรที่มีเรื่องราวแบบนี้จะชอบอยู่
บางคนบอกว่า ทำไมไม่ข้ามกิจกรรมพวกนี้ไปหล่ะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ …
สามีแพมชอบศิลปะมากกกกก งานหลักของเขาตอนนี้คือ การวาดภาพหรือถ้าพูดเป็นภาษาฝรั่งคือ เขาเป็นอาร์ตติส Artist นั่นเองค่ะ (สามารถเข้าไปดูเว็บไซต์ของเขาได้นะคะ https://nicolaslunafleck.com/ ) การไปเที่ยว Museumและดูศิลปะตามที่ต่างๆเลยเป็นการให้กำลังใจเขาและสนับสนุนเขาไปในตัวค่ะ เหมือนที่นิคพาแพมไปดูร้านขนมปัง ร้านเบเกอรี่ในปารีส แลกๆกันนอะ
อ้อ! แพมลืมบอกไปว่า ก่อนแพมมาเที่ยวฝรั่งเศสรอบนี้ เพื่อนรุ่นพี่ของแพม “พี่กิต” ได้คุยเรื่องเพื่อนของเขาคนนึงให้ฟังค่ะ พี่เขาชื่อพี่อ้อ เป็นนักอบขนมปังคนไทยที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส พี่กิตแค่เล่าให้ฟังนะ ไม่ได้บังคับให้ไปพบหรือเข้าไปหาเขาแต่อย่างไร แต่แพมได้ฟังเรื่องพี่เขาเท่านั้นแหละ ประกอบกับเป็นคนที่อบขนมปังเหมือนกัน อยากไปเจอเขามากๆค่ะ เย็นวันนี้เลยมีโอกาสนัดเจอกันที่บ้านของพี่เขาค่ะซึ่งอยู่ห่างจากที่พักของพวกเราไปประมาณ 15 นาที
พวกเราคุยกันทางโทรศัพท์และติดต่อกันทาง LINE
พี่อ้อ : แพมเคยกิน raclette มั้ย
แพม : แค่ชื่อก็ยังแปลไม่ออกเลยว่ามันคืออะไรอะคะพี่ ฮ่าฮ่าๆๆ แพมว่า แพมไม่เคยกินแน่นอน
พี่อ้อ : โอเค พี่มีเครื่องทำ raclette งั้นเดี๋ยวเรากินตัวนี้กันนอะ
แพม : แพมซื้ออะไรเข้าไปได้มั้ยคะ ผลไม้ ไวน์ ของหวาน อะไรดีคะที่มันเข้ากับ raclette
พี่อ้อ : แพมซื้อไวน์มาละกันนะ ต้องเป็นไวน์ขาวนะ มันถึงจะเหมาะกับเมนูนี้….เจอกันจ้าาาา
….
เมื่อวางหูโทรศัพท์ แพมก็ยังไม่รู้ว่าหน้าตา La raclette มันเป็นอย่างไร ถามสามีว่าเคยกินมั้ย ฮีก็บอกว่ายังไม่เคยได้กินแต่น่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวๆกับชีสๆ (เออออ ฮีเดาเก่งซะด้วย)
ช่วงเช้า พวกเราไปเดินเล่นแถวบ้านค่ะ ซื้อของกินและไวน์






…
บ้านพี่อ้ออยู่ไม่ไกลจากบ้านเรามาก แต่ยังไงก็ต้องนั่งรถไปนะเพราะถ้าเดินคงไม่ไหวอะเพราะอากาศมันหนาวเย็นและฝนตกปรอยๆค่ะ อากาศหนาวเฉยๆแพมไม่กลัวค่ะ แต่เป็นลมหนาวระเยือกคือกลัวมากกกกกก ยอมเลย
พี่อ้อเป็นคนกรุงเทพ เธอแต่งงานกับคนฝรั่งเศส (Rudy) มีลูกด้วยกันสองคนและอาศัยอยู่ที่ปารีสค่ะ พี่อ้อเคยเรียนทำขนมปังและทำงานในร้านขนมปังในปารีสมาก่อน แต่ตั้งแต่เธอมีลูก เธอได้ผันตัวมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเพื่อดูแลลูกๆทั้งสองและครอบครัว (แพมว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเลย ครอบครัวต้องมาก่อนและยิ่งลูกยังเด็ก เราต้องมีเวลาให้เขาค่ะเพราะเมื่อเขาโตมา เขาก็ไม่อยู่กับเราแล้ว ต้องออกไปเผชิญโลกกว้าง ถ้าอนาคตแพมมีลูก แพมก็คงจะทำแบบพี่เขาเหมือนกัน….แต่ก็นะ ถ้าใครทำได้ก็ทำค่ะ ไม่มีโอกาสมากแต่ก็ทำได้บ้างก็ทำไปเถอะค่ะ คนเราแต่ละคนภาระไม่เหมือนกันนอะ กินข้าวเย็นด้วยกันทุกวัน แพมว่าเท่านี้ก็สวยงามมากแล้ว)
…
อาหารที่พี่เขาเตรียมทำไว้เพื่อต้อนรับพวกเราคือ La raclette
เป็นเหมือนฟองดู ชีสละลายเยิ้มๆ กินกับมันฝรั่งต้มสุก แฮม ซาลามี่ เห็ด มะเขือเทศ ซุกินี่ย่างและผักดองแก้เลี่ยน…เสริฟคู่กับไวน์ขาว คนที่คอชีสไม่ควรพลาดเลยเมนูนี้ รับรองว่าปลื้มมากแน่นอน
จากรูปจะเห็นได้ว่าจะเป็นเครื่องทำ La raclette ด้านบนจะเอาไว้ย่างพวกผัก แฮม หรือเอาอุ่นมันฝรั่ง ส่วนด้านล่างลงมาจะเป็นที่เอาไว้จี่ชีส โดยจะมีถาดเล็กๆให้เราวางชีสลงไปจากนั้นยัดเข้าไปด้านล่าง ทิ้งไว้แปบๆให้ชีสมันละลาย เยิ้มๆ จากนั้นค่อยเอามาเทราดบนมันฝรั่งหรือผัก…เริ่ดใช่มั้ยหล่ะคะ แหะๆๆ
แพมว่า La raclette เหมือนหมูกระทะของคนฝรั่งเศสอย่างไงอย่างนั้นเลย 5555+ กินไปด้วย คุยไปด้วย นั่งนานๆ
สามีพี่อ้อ (พี่ Rudy) บอกว่า เมนู La raclette เป็นอาหารในช่วงฤดูหนาว คนที่นี่ชอบกินกันบนดอย หนาวๆ ของหวานตบท้าย เป็นชูครีมช็อกโกแลต (โคตรลำ) เข้มข้นและส้มแมนดารินเนื้อหวานๆ
เผลอแปบๆเกือบห้าทุ่ม! คุยกันนานมาก ต่างคนต่างง่วงนอน
เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน…มื้อนี้สนุกและได้ประสบการณ์มากมายเลย
ขอบคุณเจ้าบ้าน พี่อ้อและพี่รูดี้ เจอกันที่เชียงใหม่เร็วๆนี้นะคะ
ขอบคุณพี่กิตมากๆนะคะที่แนะนำให้แพมได้รู้จักพี่เขาค่ะ
à plus tard!